Google

Tuesday, April 17, 2007

สโตนเฮนจ์ แห่งทุ่งซอลสเบอร์รี่


ทุกท่านคงพอจะเคยได้ยินชื่อ ของกองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ที่ทุ่งซอลสเบอร์รี่ ในประเทศอังกฤษมาแล้วนะครับ สโตนเฮนจ์นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลกสมัยกลาง ซึ่งชนชาวโลกพากันฉงนฉงายมานับเป็นพันๆปีแล้วว่า ใครกันหนอ ยกมันมาตั้งไว้ที่นั่น และด้วยจุดมุ่งหมายอันใดกัน

บางคนเสนอแนวคิดที่น่าฟังว่า ผู้ที่สร้างสโตนเฮนจ์เหล่านั้น เห็นจะเป็น"ยักษ์"ตามพระคัมถีร์ ซึ่งเคยครองโลกในยุคโบราณ เพราะกองหินประหลาดดังกล่าวนั้น ไม่ได้มีขนาดกระจิ๋วหลิวอย่างเครื่อง PS-One นี่ครับ แต่ละก้อนล้วนมหึมาด้วยส่าวนสูง 13 ฟุต กว้าง 7 ฟุต หนาประมาณ 4 ฟุตทั้งสิ้น คำนวณน้ำหนักแล้วตกก้อนละประมาณ 30 ตันครับ และมีหลายก้อนหนัก 50 ตัน รวมเบ็ดเสร็จ 112 ก้อน

แล้วก็ไม่ใช่ว่าหินพวกนี้ จะกองระเกะระกะเฉยๆอยู่กลางท้องทุ่งเสียเมื่อไหร่ครับ มันเรียงกันเป็นวงกลมอย่างดิบดี ในลักษณะสองก้อนรองอยู่ข้างล่าง วางทับบนด้วยก้อนหินขนาด 10 ฟุต เป็นระยะๆจนครบรอบ วงกลมซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 ฟุต ภายในวงกลมนี้ยังมีก้อนหินขนาดสูง 18 ฟุต เรียงรายเป็นรูปเกือกม้าอยู่ 5 กลุ่ม แต่ละกลุ่มประกอบด้วยหินหนักรวม 50 ตัน และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 75 ฟุตครับ

ซึ่งท่านก็คงจะเห็นด้วยกับแล้วว่า ก้อนหินพวกนี้ ต้องไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติแน่ๆ ต้องเกิดจากฝีมือของมนุษย์โดยไม่ต้องสงสัย แต่มนุษย์ที่ว่าเป็นมนุษย์ยักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลจริงหรือไม่? จะเรียงหินเหล่านี้ด้วยวัตถุประสงค์ใด ข้อนี้ยังไม่มีใครให้คำตอบที่แน่ชัดได้ เพราะอายุอานามของหินนั้น ก็ประมาณ 5-6 พันปีก่อนครับ เป็นช่วงนี้มนุษย์โลกเรายังเจริญไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ

การค้นหาคำตอบเกี่ยวกับสโตนเฮนจ์นั้น ดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน นักวิชาการที่พากันค้นคว้าเกี่ยวกับกองหินประหลาดนี้ ก็ต่างพากันลงความเห็นว่า มันถูกสร้างขึ้นโดยคนที่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์เป็นอย่างสูง และว่าความมุ่งหมายที่สร้างสโตนเฮนจ์ขึ้น ก็เพื่อใช้เป็นเครื่องคำนวณอย่างหยาบๆ ที่สามารถบอกรายละเอียดต่างๆได้มากมาย พิมพ์หนังสือออกมาเป็นพันๆหน้า ชนิดที่อ่านแล้วก็ยังหัวหมุน แต่พอจะสรุปหน้าที่ปัจจุบันของมัน เท่าที่เราทราบได้ ดังนี้ครับ

ใช้เป็นหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งสามารถบอกวันเดือนปี แทนปฏิทินได้ การจัดจังหวะก้อนหินแต่ละช่องให้มีช่องว่างที่เหมาะสม ก็เพื่อใช้พยากรณ์และคำนวณวิถีโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวบางดวงที่มีความสำคัญกับผู้คนในยุคโน้นสามารถบอกวันแรกของฤดูร้อน หนาว ใบไม่ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงในแต่ละปีได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์หยาบๆ คำนวณสุริยคราส จันทรคราส และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อื่นๆที่จำเป็น เมื่อทราบถึงเหตุผลที่สร้างคอมพิวเตอร์ยักษ์นี่แล้ว ก็ยังไม่วายมีข้อสงสัยผุดขึ้นมาอีกครับ เป็นข้อสงสัยที่ใครๆก็มีกัน นั่นคือ บรรพชนสมัย 5000 ปีก่อน สามารถลำเลียงหินทรายขนาดใหญ่และหนัก จากภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไป 25 ไมล์มาตั้งซ้อนกันได้อย่างไร? เมื่อคิดไม่ออกหนักเข้า ก็โยนให้มนุษย์ต่างดาวตามฟอร์มเดิมสิครับ นั่นคือนัก Ufologist ได้อธิบายว่า เมื่อ 5000 ปีมาแล้ว มนุษย์ต่างดาวบางกลุ่ม ได้มาที่ทุ่งซอลสเบอร์รี่นี้ และสั่งสอนชาวโลกซึ่งตอนนั้นอาจจะเป็นพวกดรูอิดโบราณ ให้เรียนรู้วิชาดาราศาสตร์อันเป็นแขนงวิชา ที่ว่าด้วยการสร้างคอมพิวเตอร์ศิลาขนาดมหึมานี้ ส่วนกรรมวิธีในการยกหินน่ะหรือครับ เรื่องขี้ผงมาก สำหรับคุณครูจากอวกาศเหล่านี้

No comments: