![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj8oICt8RBjyePMGnEz336izimEKr_rWazIMfQSUAG7vZu7DLTc5vWmq2LvXDyhnCZh5p1v9fN6IEMZ9qegTAVM_pDLA7Bnu4cvaXxnPWFRXUl6P0YH083TzPaJPh7I7fcL5J3NHK7NqnQ/s200/Image.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh4wL1ozjMBKP00tYdmsw8imUlenlsjw0poi5LEhnOHabPJfNe2qYHDwZ5wu_fLeYXCCAJFcS-EVldxAUoR8yl5DuV5SaXwYEmbqrsrJZFZEKZ6ve-dz0rFgZajzxL1OzyI_M7UFYtSqA4/s200/1.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiR6wH94HjPfxZSXxY94ZFmVFB9xgA4sakqeWggn9TTd6PsPAEsJHME3uPsNU5qJ6mWFBkt01wyHL8tq75zJWM_E2ma8ipgutxCTqHdkqYuww4cxQNNh1M1zG_1NKPx4hVMx01iPhshU_Y/s200/2.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyXLvsSqySPxsk9goXHGoJ7FyJJ50WhJGoEUCWxpnbT5lmmxakcaSd7C6TG5jbBFr2t3QV8zPC5o-mh4zM_R18aBuPOSLVTmIuIAcVAoY48gie2r8XjSO10OIReMYKlwsXRxPqYM0EY9s/s200/3.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh05TDKZzfchsW5-flbt5i47SlozX1SYOFzUvwsyfVofH5gqo6vxl7EUMiKr_s9UnD_oCQKsHfk0MFUaolRQSg2GXv-gXypZ_SzqHgqwoYa8kHuD831tW6wp6BSf9Qs2FQVG21oVA0UUN0/s200/4.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhN6EclcbIHsTc5JnxEBH6PLZe_mieuwOkKmmRzUa5YT5S-q6rhCoBDXJyBmslTy8F7FCcav7PQN5eoB-Qa4uG-OvwVDufVPRhIGtTT0cdkWCyruWog5-Bb1h8dQpRZDHnoNRYtrRZAbT0/s200/5.jpg)
เอพี/เดลิเมล์ - นักวิจัยระบุอุปกรณ์ที่ทำจากทองสำริดเมื่อ 2,000 ปีก่อน ที่ชาวกรีกโบราณใช้ติดตามเส้นทางโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และอาจรวมถึงดาวเคราะห์อีกหลายดวง ถือได้ว่าเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก และมีคุณค่ามากกว่าภาพโมนาลิซา
อุปกรณ์ที่ประกอบด้วยฟันเฟือง วงล้อ และหน้าปัดที่จารึกชื่อเดือนและสัญลักษณ์จักรราศี สามารถใช้คำนวณทางดาราศาสตร์ขั้นซับซ้อน และใช้เป็นปฏิทิน รวมถึงพยากรณ์ปรากฏการณ์จันทรคราสและสุริยคราส
ทีมนักวิจัยนานาชาติใช้เครื่องเอกซ์เรย์และซีทีสแกนชั้นสูงถอดรหัสคำจารึก และรวบรวมชิ้นส่วนที่พบในซากเรือบริเวณเกาะแอนติคีเทอราเมื่อกว่าร้อยปีที่แล้ว มาประกอบเข้าด้วยกันเพื่อไขความลับของกลไกอันซับซ้อนของอุปกรณ์สำริดนี้
การวิเคราะห์ยืนยันทฤษฎีที่ว่า กลไกแอนติคีเทอรา (Antikythera Mechanism) ที่มีอายุย้อนไประหว่างช่วง 100-150 ปีก่อนคริสตกาลนั้น เป็นเครื่องคำนวณทางดาราศาสตร์ และมีความก้าวหน้าทางเทคนิคมากกว่าที่เคยคิดกัน
สิ่งที่ซับซ้อนคือ ระบบฟันเฟืองและวงล้อที่เชื่อได้ว่า อย่างน้อย 1,000 ปีให้หลังจึงจะมีผู้คิดค้นกลไกนี้สำเร็จ
ไมค์ เอ็ดมันด์ส (Mike Edmunds) ศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff University) ประเทศเวลส์ ยกย่องว่าอุปกรณ์นี้ล้ำเลิศทั้งในแง่เทคนิคและการออกแบบ
"ใครก็ตามที่สร้างอุปกรณ์นี้ขึ้นมาต้องเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องมากๆ ในแง่ประวัติศาสตร์และคุณค่าแล้ว ผมคิดว่าอุปกรณ์นี้ล้ำเลิศเหนือกว่าภาพโมนาลิซา"
ระบบที่ประกอบด้วยฟันเฟืองและวงล้อกว่า 30 ชิ้น และทำงานด้วยการหมุนด้ามหมุน สามารถติดตามการโคจรของดวงดาวอย่างแม่นยำ รวมถึงทำหน้าที่เป็นปฏิทินและพยากรณ์การเกิดคราส และเป็นไปได้ว่ากลไกนี้สามารถติดตามการโคจรของดาวพุธ ดาวอังคาร ดาวศุกร์ ดาวพฤหัสฯ และดาวเสาร์ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์เท่าที่คนสมัยนั้นที่เชื่อกันว่าโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยจักรวาลรู้จัก
รายงานที่ตีพิมพ์อยู่ในวารสารเนเจอร์กล่าวว่า ปฏิทินมีความสำคัญต่อสังคมในสมัยโบราณ เพราะบอกถึงช่วงเวลาในการเพาะปลูก และกำหนดวันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ไม่มีใครรู้ว่า ใครคือผู้ออกแบบกลไกนี้ แต่มีการคาดเดาว่าน่าจะเป็นอาร์คีมีดีส หรือฮิปปาร์คัส นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์สำคัญของกรีกตามลำดับ
ดร.โทนี ฟรีต หนึ่งในทีมวิจัย แสดงทัศนะทิ้งท้ายว่า อุปกรณ์นี้เป็นสุดยอดความสำเร็จทางเทคนิคตลอดกาล และเป็นวัตถุที่น่าทึ่งในแง่ประวัติศาสตร์เทคโนโลยี
ปัจจุบัน กลไกนี้ ซึ่งอยู่ในสภาพแยกส่วนเป็นชิ้นๆ จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์โบรารณคดีแห่งชาติกรุงเอเธนส์
No comments:
Post a Comment